ไม่เคย ไม่เคย ไม่เคย
“แxดเนอะสัx อยู่ป.4 อูยังเล่นหมากเก็บอยู่เลย”
“ตู้หูวววววว
รวมพลคนแก่แดดนี่หว่า ป.4 มีอะไรให้ทำเยอะแยะ พี่ว่าน้องกลับไปอ่านหนังสือหรือไม่ก็ตั้งใจเรียนเถอะนะ
ป.4ยังเล็กเกินโชว์ไปก็ไม่แข็งหรอก เพื่อพี่เห็นยังบอกสมรรถภาพทางเพศอูคงเสื่อมเมื่อเห็นรูปน้องหวะ
พี่นี่ลั่นเลย”
“อีกะxรี่”
ตัวอย่างคอมเมนท์รุนแรงในเพจเฟสบุ๊ค
‘ฟาด้า อ่าห้าา'า’ ซึ่งเป็นเพจที่มีการโพสรูปของ ‘แก๊งกุหลาบไฟ’
ที่มาของแก๊งกุหลาบไฟนี้มาจากการที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อว่า
ฟาด้า อ่าฮ้าาาา ซึ่งเป็นเพียงเด็กป.4 ได้โพสต์รูปภาพของตัวเองและเพื่อนอีก
4 คน โดยใช้ชื่อว่า แก๊งกุหลาบไฟ พร้อมคำอธิบายภาพที่เมื่อเหล่านักท่องโซเชียลพบเห็น
แล้วเกิดความรู้สึกว่าโตเกินวัย ไม่ดีไม่งาม และไม่เหมาะสม จึงทำการแพร่รูปภาพนี้ออกไปจนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
จนตัวเด็กต้องปิดเฟซบุ๊คลง
หากคำวิจารณ์ต่างๆ
นานาที่ว่านี้มีจุดประสงค์เพื่อติติงพฤติกรรมที่โตเกินวัยของเด็กก็คงจะเกิดประโยชน์ต่อตัวเด็กเป็นแน่
เพียงแต่คำวิจารณ์ที่ว่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้นำไปแก้ไข
แต่เต็มไปด้วยคำหยาบคายที่ใช่ด่าทอเด็ก
โดยไม่สนเลยว่า เด็กที่ว่านี้เป็นเพียงเด็กป.4 ที่เติบโตมากับยุคดิจิตอลเท่านั้น
“ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยคำตำหนิติเตียน
เขาจะเป็นคนล้มเหลว ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความก้าวร้าว เขาจะเป็นคนกร้าวแข็ง
ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความเย้ยหยัน เขาจะเป็นคนขลาดอาย ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความละอาย
เขาจะเป็นคนขี้ระแวง…”
ส่วนหนึ่งในบทกลอน Children
Learn What They Live ของ
โดโรธี แอล. นอลเต้ นักเขียนชาวอเมริกันและผู้เชียวชาญด้านการให้คำปรึกษาครอบครัว
จากบทกลอนนี้ยืนยันให้เห็นว่า
การที่ใช้คำพูดรุนแรงในการว่ากล่าวตักเตือนเด็ก ไปจนถึงการใช้คำหยาบคายเพื่อสั่งสอนเขา
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น กลับเป็นสิ่งที่ฝังลึกลงไปในหัวใจเด็กจนเกิดเป็นบาดแผลที่พวกเขาอาจไม่มีวันลืม
เพราะบางคนก็ใช้คำพูดรุนแรงเพื่อความสะใจของตนเอง
โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะเกิดในวันข้างหน้า
ในส่วนของบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ควรคิดพิจารณาให้มาก
เพราะการใช้คำพูดรุนแรงนอกจากจะไม่ช่วยให้เด็กแก้ไขในสิ่งที่ ‘ตนเชื่อผิดแล้ว’
ในอนาคตเด็กอาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีปมฝังใจบางอย่างไปจนถึงกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้คำพูดรุนแรงต่อผู้อื่น
กลายเป็นวังวนการทำร้ายผู้อื่นด้วยคำพูดไม่จบไม่สิ้น
นอกจากคำพูดที่รุนแรงของคนในสังคมแล้ว
บุคคลที่ใกล้ตัวเด็กมากที่สุดอย่างครอบครัว
ก็ต้องระวังเรื่องคำพูดรุนแรงต่อเด็กเช่นกัน
เพราะหลายครั้งคนในครอบครัวมักใช้คำพูดรุนแรงต่อเด็กโดยไม่ตั้งใจแม้จะพูดด้วยความหวังดีก็ตาม
โดยเรื่องความรุนแรงทางคำพูดนี้
องค์กรยูนิเซฟได้จัดทำโครงการ “เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ หยุดใช้ความรุนแรง” เพื่อต่อต้านความรุนแรงต่อเด็ก โดยได้ให้ข้อมูลเรื่องการลงโทษเด็กว่า
การการลงโทษด้วยการใช้คำพูดด้านลบ เช่น ตำหนิหรือแสดงความไม่ยอมรับ
การลงโทษแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นการสร้างวินัยเชิงลบ
เพราะวิธีการเช่นนี้ก็ทำให้เด็กเกิดความโกรธ ก้าวร้าว หรือเสียความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง
คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือ
‘เด็ก’
เขาเติบโตมาในโลกดิจิตอล
แต่กลับถูกสอนและตีกรอบให้อยู่ในยุคดั้งเดิมของผู้ใหญ่ ที่เด็กไม่เคยรับรู้
ไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยสัมผัส