วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

Chapter : 7 ความเท่าเทียมในมือไม่เท่ากัน

         

ความเท่าเทียมในมือไม่เท่ากัน
          “การส่งเสริมความสามารถของคนทั้งสองเพศ กฎหมายถือว่าสำคัญ เพราะกฎหมายจะส่งเสริมความเสมอภาคโดยเท่าเทียมกัน คำกล่าวของ หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงานที่ได้ร่วมเสวนาในพิธีเปิดวันงานสตรีสากลในปี 2559 นี้
            
            การถูกแบ่งแยกและสร้างกำแพงปิดกั้นเสรีภาพเพียงเพราะเพศสภาพ กลายเป็นปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศที่มีมาอย่างยาวนาน และคงยาวไปจนถึงอนาคต
            
            อันที่จริงความไม่เท่าเทียมทางเพศก็ได้รับการแก้ไขทั้งเชิงนโยบายและปฏิบัติจากคนในสังคมอยู่บ่อยครั้ง ทว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แต่เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกอย่างยากที่จะถอนทิ้ง 
            
            ยกตัวอย่างเช่น การถูกปลูกฝังความเชื่อค่านิยมแบบผิดๆ เช่น ค่านิยมที่ว่า ผู้ชายเป็นใหญ่ในบ้านเพราะเป็นผู้ทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่เลี้ยงดูลูกอยู่บ้าน แม้ในปัจจุบันผู้หญิงเองก็เป็นฝ่ายทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างผู้ชาย  
            
             จะเห็นได้จากบางอาชีพที่ยังแสดงถึงความไม่เท่าเทียมระหว่างหญิง-ชาย อย่างอาชีพบริหารในตำแหน่งสูงๆ หรืออาชีพที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งสถาบันวิจัยบทบาทหญิงชายและการพัฒนา และเว็บไซต์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เผยผลสำรวจสัดส่วนนักการเมืองระดับชาติ โดยพบว่าจำนวนของสส. ที่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 16 ในขณะที่เพศชายคิดเป็นร้อยละ 84
            
             ด้วยวัฒนธรรมผู้ชายเป็นใหญ่แบบไทยๆ นี้เอง ที่นำพาไปสู่การมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอหรือกระทั่งการสั่งสอนผู้หญิงว่า ภรรยาที่ดีต้องเชื่อฟังสามี กลายเป็นกรอบความคิดสำคัญที่สร้างสะพานไปสู่การใช้ความรุนแรงในสตรี
            
             ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในสังคมไทยยังคงสอนผู้หญิงให้รู้จักรักนวลสงวนตัวมากกว่าสอนผู้ชายว่าคนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคเท่ากันหมด ไม่ว่าจะมีเพศสภาพที่เหมือนหรือต่างกัน หรือการคอยพร่ำบอกว่าผู้หญิงไม่ควรนุ่งสั้นหรือแต่งตัวล่อแหลม เพราะเมื่อไหร่ที่ผู้หญิงถูกใช้ความรุนแรงก็จะมีแนวคิดแบบ Blaming the victim โผล่ขึ้นมาว่า เป็นความผิดของผู้หญิงที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง แทนที่จะช่วยกันสอนว่าผู้ชายควรให้เกรียติและไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้หญิง
             
            การแก้ปัญหาความรุนแรงในสตรีนี้ ในส่วนของภาครัฐควรเข้ามามีส่วนร่วมและจัดการกับปัญหาให้มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยล่าสุดเครือข่ายสตรีก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและเรียกร้องให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญให้มีความเอื้อต่อเพศหญิงมากขึ้นรวมถึงเรียกร้องให้มีการจัดการปัญหาความเสมอภาคทางเพศ
            
            หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้มีการปรับแก้ในส่วนของความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงและได้นำไปใช้จริงในอนาคต ก็คงเป็นความหวังและเกราะป้องกันให้กับผู้หญิงไทยให้มีพื้นที่ในสังคมไม่น้อยกว่าผู้ชายอย่างที่ควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว
           

            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น