ความเท่าเทียมในมือไม่เท่ากัน
“การส่งเสริมความสามารถของคนทั้งสองเพศ ‘กฎหมาย’ ถือว่าสำคัญ เพราะกฎหมายจะส่งเสริมความเสมอภาคโดยเท่าเทียมกัน” คำกล่าวของ หม่อมหลวงปุณฑริก
สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงานที่ได้ร่วมเสวนาในพิธีเปิดวันงานสตรีสากลในปี 2559 นี้
การถูกแบ่งแยกและสร้างกำแพงปิดกั้นเสรีภาพเพียงเพราะเพศสภาพ
กลายเป็นปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศที่มีมาอย่างยาวนาน และคงยาวไปจนถึงอนาคต
อันที่จริงความไม่เท่าเทียมทางเพศก็ได้รับการแก้ไขทั้งเชิงนโยบายและปฏิบัติจากคนในสังคมอยู่บ่อยครั้ง
ทว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แต่เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกอย่างยากที่จะถอนทิ้ง
ยกตัวอย่างเช่น การถูกปลูกฝังความเชื่อค่านิยมแบบผิดๆ
เช่น ค่านิยมที่ว่า ผู้ชายเป็นใหญ่ในบ้านเพราะเป็นผู้ทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่เลี้ยงดูลูกอยู่บ้าน แม้ในปัจจุบันผู้หญิงเองก็เป็นฝ่ายทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวไม่ต่างผู้ชาย
จะเห็นได้จากบางอาชีพที่ยังแสดงถึงความไม่เท่าเทียมระหว่างหญิง-ชาย
อย่างอาชีพบริหารในตำแหน่งสูงๆ หรืออาชีพที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง
ซึ่งสถาบันวิจัยบทบาทหญิงชายและการพัฒนา
และเว็บไซต์สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เผยผลสำรวจสัดส่วนนักการเมืองระดับชาติ
โดยพบว่าจำนวนของสส. ที่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 16 ในขณะที่เพศชายคิดเป็นร้อยละ
84
ด้วยวัฒนธรรมผู้ชายเป็นใหญ่แบบไทยๆ
นี้เอง ที่นำพาไปสู่การมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอหรือกระทั่งการสั่งสอนผู้หญิงว่า
ภรรยาที่ดีต้องเชื่อฟังสามี กลายเป็นกรอบความคิดสำคัญที่สร้างสะพานไปสู่การใช้ความรุนแรงในสตรี
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในสังคมไทยยังคงสอนผู้หญิงให้รู้จักรักนวลสงวนตัวมากกว่าสอนผู้ชายว่าคนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคเท่ากันหมด
ไม่ว่าจะมีเพศสภาพที่เหมือนหรือต่างกัน หรือการคอยพร่ำบอกว่าผู้หญิงไม่ควรนุ่งสั้นหรือแต่งตัวล่อแหลม
เพราะเมื่อไหร่ที่ผู้หญิงถูกใช้ความรุนแรงก็จะมีแนวคิดแบบ Blaming the
victim โผล่ขึ้นมาว่า เป็นความผิดของผู้หญิงที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง
แทนที่จะช่วยกันสอนว่าผู้ชายควรให้เกรียติและไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้หญิง
การแก้ปัญหาความรุนแรงในสตรีนี้
ในส่วนของภาครัฐควรเข้ามามีส่วนร่วมและจัดการกับปัญหาให้มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น
โดยล่าสุดเครือข่ายสตรีก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและเรียกร้องให้
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญให้มีความเอื้อต่อเพศหญิงมากขึ้นรวมถึงเรียกร้องให้มีการจัดการปัญหาความเสมอภาคทางเพศ
หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้มีการปรับแก้ในส่วนของความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงและได้นำไปใช้จริงในอนาคต
ก็คงเป็นความหวังและเกราะป้องกันให้กับผู้หญิงไทยให้มีพื้นที่ในสังคมไม่น้อยกว่าผู้ชายอย่างที่ควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น