วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559

Chapter: 9 ไม่เคย ไม่เคย ไม่เคย


 ไม่เคย ไม่เคย ไม่เคย
xดเนอะสัx อยู่ป.4 อูยังเล่นหมากเก็บอยู่เลย
          
          “ตู้หูวววววว รวมพลคนแก่แดดนี่หว่า ป.4 มีอะไรให้ทำเยอะแยะ พี่ว่าน้องกลับไปอ่านหนังสือหรือไม่ก็ตั้งใจเรียนเถอะนะ ป.4ยังเล็กเกินโชว์ไปก็ไม่แข็งหรอก เพื่อพี่เห็นยังบอกสมรรถภาพทางเพศอูคงเสื่อมเมื่อเห็นรูปน้องหวะ พี่นี่ลั่นเลย
          
         “อีกะxรี่
          
           ตัวอย่างคอมเมนท์รุนแรงในเพจเฟสบุ๊ค ฟาด้า อ่าห้าา'ซึ่งเป็นเพจที่มีการโพสรูปของ แก๊งกุหลาบไฟ
           
           ที่มาของแก๊งกุหลาบไฟนี้มาจากการที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อว่า ฟาด้า อ่าฮ้าาาา ซึ่งเป็นเพียงเด็กป.4 ได้โพสต์รูปภาพของตัวเองและเพื่อนอีก 4 คน โดยใช้ชื่อว่า แก๊งกุหลาบไฟ พร้อมคำอธิบายภาพที่เมื่อเหล่านักท่องโซเชียลพบเห็น แล้วเกิดความรู้สึกว่าโตเกินวัย ไม่ดีไม่งาม และไม่เหมาะสม จึงทำการแพร่รูปภาพนี้ออกไปจนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จนตัวเด็กต้องปิดเฟซบุ๊คลง
            
           หากคำวิจารณ์ต่างๆ นานาที่ว่านี้มีจุดประสงค์เพื่อติติงพฤติกรรมที่โตเกินวัยของเด็กก็คงจะเกิดประโยชน์ต่อตัวเด็กเป็นแน่
            
           เพียงแต่คำวิจารณ์ที่ว่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้นำไปแก้ไข แต่เต็มไปด้วยคำหยาบคายที่ใช่ด่าทอเด็ก  โดยไม่สนเลยว่า เด็กที่ว่านี้เป็นเพียงเด็กป.4 ที่เติบโตมากับยุคดิจิตอลเท่านั้น
            
           “ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยคำตำหนิติเตียน เขาจะเป็นคนล้มเหลว ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความก้าวร้าว เขาจะเป็นคนกร้าวแข็ง ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความเย้ยหยัน เขาจะเป็นคนขลาดอาย ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความละอาย เขาจะเป็นคนขี้ระแวง…”
             
           ส่วนหนึ่งในบทกลอน Children Learn What They Live  ของ โดโรธี แอล. นอลเต้ นักเขียนชาวอเมริกันและผู้เชียวชาญด้านการให้คำปรึกษาครอบครัว 
           
           จากบทกลอนนี้ยืนยันให้เห็นว่า การที่ใช้คำพูดรุนแรงในการว่ากล่าวตักเตือนเด็ก ไปจนถึงการใช้คำหยาบคายเพื่อสั่งสอนเขา ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น กลับเป็นสิ่งที่ฝังลึกลงไปในหัวใจเด็กจนเกิดเป็นบาดแผลที่พวกเขาอาจไม่มีวันลืม เพราะบางคนก็ใช้คำพูดรุนแรงเพื่อความสะใจของตนเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะเกิดในวันข้างหน้า
           
           ในส่วนของบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ควรคิดพิจารณาให้มาก เพราะการใช้คำพูดรุนแรงนอกจากจะไม่ช่วยให้เด็กแก้ไขในสิ่งที่ตนเชื่อผิดแล้ว ในอนาคตเด็กอาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีปมฝังใจบางอย่างไปจนถึงกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้คำพูดรุนแรงต่อผู้อื่น กลายเป็นวังวนการทำร้ายผู้อื่นด้วยคำพูดไม่จบไม่สิ้น
           
           นอกจากคำพูดที่รุนแรงของคนในสังคมแล้ว บุคคลที่ใกล้ตัวเด็กมากที่สุดอย่างครอบครัว ก็ต้องระวังเรื่องคำพูดรุนแรงต่อเด็กเช่นกัน เพราะหลายครั้งคนในครอบครัวมักใช้คำพูดรุนแรงต่อเด็กโดยไม่ตั้งใจแม้จะพูดด้วยความหวังดีก็ตาม
           
           โดยเรื่องความรุนแรงทางคำพูดนี้ องค์กรยูนิเซฟได้จัดทำโครงการ เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ หยุดใช้ความรุนแรงเพื่อต่อต้านความรุนแรงต่อเด็ก โดยได้ให้ข้อมูลเรื่องการลงโทษเด็กว่า การการลงโทษด้วยการใช้คำพูดด้านลบ เช่น ตำหนิหรือแสดงความไม่ยอมรับ การลงโทษแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นการสร้างวินัยเชิงลบ เพราะวิธีการเช่นนี้ก็ทำให้เด็กเกิดความโกรธ ก้าวร้าว หรือเสียความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง  
            
           คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือ เด็ก

            
           เขาเติบโตมาในโลกดิจิตอล แต่กลับถูกสอนและตีกรอบให้อยู่ในยุคดั้งเดิมของผู้ใหญ่ ที่เด็กไม่เคยรับรู้ ไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยสัมผัส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น