บันเทิงลงบันได
สำนักข่าวเอเชียน คอเรสพอนเดนท์ (Asian
Correspondent) สื่อจากประเทศอังกฤษ วิจารณ์เนื้อหาและฉากข่มขืนที่ไม่เหมาะสมของละครไทย
แต่แปลกที่ละครเหล่านั้น กลับได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเรา
เอเชียน
คอเรสพอนเดนท์ กล่าวถึงโครงเรื่องของไม่สิ้นไร้ไฟสวาท โดยเป็นเรื่องราวที่เกิดจากพ่อของพระเอกฆ่าตัวตาย
ทำให้พระเอกตัดสินใจแก้แค้นครอบครัวนางเอกที่เป็นต้นเหตุให้พ่อฆ่าตัวตายด้วยการจับตัวนางเอกมาเป็นทาส
ข่มขืนจนตั้งครรภ์ และนางเอกก็พยายามทำแท้งจนเกือบจะเสียชีวิต
หากเกิดในโลกของความจริง
ผู้ชายคนนี้ควรถูกแจ้งจับ แต่ในโลกของละครไทย
เขากลับกลายเป็นพระเอกที่นางเอกตกหลุมรักในที่สุด สะท้อนให้เห็นการทำงานในฐานะสื่อประเภทหนึ่งของวงการละครไทยที่ล้มเหลว
ซ้ำร้าย ยังเป็นการทำลายวัฒนธรรม แล้วยกย่องเชิดชูการข่มขืน การกดขี่เพศหญิงกลายๆ
ในขณะเดียวกัน จ๋า ยศสินี
ณ นคร ผู้จัดละครของช่อง 3 ก็ได้แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า
บางครั้งฉากข่มขืนก็สำคัญกับละคร เพราะละครเป็นเรื่องของความขัดแย้ง
ถ้าไม่มีความขัดแย้งก็ไม่มีเรื่องราว เธอเองก็พยายามเลี่ยงฉากข่มขืนแล้ว
แต่บางครั้งฉากเหล่านี้ก็จำเป็นต่อการดำเนินเรื่อง
โดยจากการสำรวจ “ศึกษาอิทธิพลของการชมรายการโทรทัศน์กับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ในกลุ่มคนดู
ศึกษาเด็ก เยาวชน และประชาชน" ในปี 2551 พบว่า เด็ก 2-6
ปี 10.3% เด็ก 7-12 ปี 6.4% เด็ก 13-19 ปี 21.1% ชอบฉากข่มขืนมากถึงมากที่สุด
เด็ก 2-6 ปี 10.9% เด็ก 7-12 ปี 19.9% เด็ก 13-19 ปี 20.2% รวมถึงคนอายุ 20 ขึ้นไป
จึงบอกว่าการข่มขืนเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมที่ยอมรับได้
และเด็กๆบางส่วนบอกว่าอยากเป็นพระเอกจะได้ข่มขืนคนอื่นได้
ยังมีละครอีกหลายเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงคำว่า
‘ละครไทยคู่กับฉากข่มขืน’ ได้อย่างชัดแจ้ง อย่างละครเรื่องดาวพระศุกร์ ฉากที่ดาวพระศุกร์จะโดนข่มขืน
รถไม่ติดเลย แฟนละครจ่อคิวรอดูฉากนี้
หรือแม้แต่เรื่องจำเลยรักที่พระเอกข่มขืนนางเอกก็จบลงด้วยการรักกัน
ซึ่งละครเหล่านี้ มีเรตติ้งที่สูงมาก กลายเป็นว่าคนไทยนิยมละครแบบนี้
เท่ากับว่าจริงๆ
แล้วสังคมไทยก็เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนความรุนแรง
นางสาวเข็มพร วิรุณราพันธ์
ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) กล่าวว่า
สื่อเป็นปัจจัยแวดล้อมที่มีบทบาทและอิทธิพลต่อทัศนคติ ค่านิยมของสังคม
โดยเฉพาะสื่อละครโทรทัศน์นำเสนอเรื่องราวที่มีพระเอกข่มขืนนางเอกต่อเนื่องมาตลอด เป็นการสร้างค่านิยมที่ทำให้เห็นว่าการใช้ความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงเป็นสิ่งชอบธรรมและเห็นเรื่องการข่มขืนเป็นเรื่องธรรมดา
ที่พระเอกข่มขืนนางเอกสุดท้ายลงเอยด้วยความรัก จึงเกิดการซึมซับเป็นเรื่องที่ทำได้
สังคมยอมรับและคนจะมองว่า
เป็นแค่เรื่องบันเทิงจนเป็นสิ่งที่สร้างค่านิยมและวัฒนธรรม ทัศนคติในสังคมที่ถูกฝังลึกในความคิดของคนทั้งหญิงชาย
ซึ่งในความเป็นจริงการกระทำความรุนแรงทางเพศ การข่มขืนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ผศ.จเร สิงหโกวินท์
อาจารย์ประจำคณะภาษาและการสื่อสาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า “การที่ละครเน้นเรื่องการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิง
กล่าวได้ว่าสื่อเป็นตัวสะท้อนว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องธรรมดา เช่น
ไม่ชอบความรุนแรงเช่นการเพิ่มโทษการข่มขืนโดยประหาร
ทั้งที่การประหารก็เป็นความรุนแรง ท้ายที่สุดก็สนับสนุนความรุนแรง แปลว่าเรายอมรับความรุนแรง
www.change.org มีการรณรงค์ลงชื่อสนับสนุนใช้ชื่อว่า
“กสทช.และผู้จัดละคร
: เลิกเผยแพร่คติการล่อลวงข่มขืนว่าเป็นสิ่งปกติ”” ต่อ
กสทช.และผู้จัดละครให้ยกเลิกละครที่มีฉากข่มขืน โดยล่าสุดมีผู้ลงชื่อสนับสนุน 59,375 คน แล้ว
นี่แหละไทยแลนด์
ดินแดนดราม่า เกลียดความรุนแรง แต่ก็เสพความรุนแรงซะเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น