วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

Chapter: 8 บันเทิงลงบันได


บันเทิงลงบันได
          
         สำนักข่าวเอเชียน คอเรสพอนเดนท์ (Asian Correspondent) สื่อจากประเทศอังกฤษ วิจารณ์เนื้อหาและฉากข่มขืนที่ไม่เหมาะสมของละครไทย แต่แปลกที่ละครเหล่านั้น กลับได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเรา
            
            เอเชียน คอเรสพอนเดนท์ กล่าวถึงโครงเรื่องของไม่สิ้นไร้ไฟสวาท โดยเป็นเรื่องราวที่เกิดจากพ่อของพระเอกฆ่าตัวตาย ทำให้พระเอกตัดสินใจแก้แค้นครอบครัวนางเอกที่เป็นต้นเหตุให้พ่อฆ่าตัวตายด้วยการจับตัวนางเอกมาเป็นทาส ข่มขืนจนตั้งครรภ์ และนางเอกก็พยายามทำแท้งจนเกือบจะเสียชีวิต

            หากเกิดในโลกของความจริง ผู้ชายคนนี้ควรถูกแจ้งจับ แต่ในโลกของละครไทย เขากลับกลายเป็นพระเอกที่นางเอกตกหลุมรักในที่สุด สะท้อนให้เห็นการทำงานในฐานะสื่อประเภทหนึ่งของวงการละครไทยที่ล้มเหลว ซ้ำร้าย ยังเป็นการทำลายวัฒนธรรม แล้วยกย่องเชิดชูการข่มขืน การกดขี่เพศหญิงกลายๆ
            
            ในขณะเดียวกัน จ๋า ยศสินี ณ นคร ผู้จัดละครของช่อง 3 ก็ได้แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า บางครั้งฉากข่มขืนก็สำคัญกับละคร เพราะละครเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ถ้าไม่มีความขัดแย้งก็ไม่มีเรื่องราว เธอเองก็พยายามเลี่ยงฉากข่มขืนแล้ว แต่บางครั้งฉากเหล่านี้ก็จำเป็นต่อการดำเนินเรื่อง
            
            โดยจากการสำรวจ ศึกษาอิทธิพลของการชมรายการโทรทัศน์กับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ในกลุ่มคนดู ศึกษาเด็ก เยาวชน และประชาชน" ในปี 2551 พบว่า เด็ก 2-6 ปี 10.3% เด็ก 7-12 ปี 6.4% เด็ก 13-19 ปี 21.1% ชอบฉากข่มขืนมากถึงมากที่สุด เด็ก 2-6 ปี 10.9% เด็ก 7-12 ปี 19.9% เด็ก 13-19 ปี 20.2% รวมถึงคนอายุ 20 ขึ้นไป จึงบอกว่าการข่มขืนเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมที่ยอมรับได้ และเด็กๆบางส่วนบอกว่าอยากเป็นพระเอกจะได้ข่มขืนคนอื่นได้
            
           ยังมีละครอีกหลายเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงคำว่า ละครไทยคู่กับฉากข่มขืน ได้อย่างชัดแจ้ง อย่างละครเรื่องดาวพระศุกร์ ฉากที่ดาวพระศุกร์จะโดนข่มขืน รถไม่ติดเลย แฟนละครจ่อคิวรอดูฉากนี้ หรือแม้แต่เรื่องจำเลยรักที่พระเอกข่มขืนนางเอกก็จบลงด้วยการรักกัน ซึ่งละครเหล่านี้ มีเรตติ้งที่สูงมาก กลายเป็นว่าคนไทยนิยมละครแบบนี้ 

           เท่ากับว่าจริงๆ แล้วสังคมไทยก็เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนความรุนแรง
            
           นางสาวเข็มพร  วิรุณราพันธ์  ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) กล่าวว่า สื่อเป็นปัจจัยแวดล้อมที่มีบทบาทและอิทธิพลต่อทัศนคติ ค่านิยมของสังคม โดยเฉพาะสื่อละครโทรทัศน์นำเสนอเรื่องราวที่มีพระเอกข่มขืนนางเอกต่อเนื่องมาตลอด เป็นการสร้างค่านิยมที่ทำให้เห็นว่าการใช้ความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงเป็นสิ่งชอบธรรมและเห็นเรื่องการข่มขืนเป็นเรื่องธรรมดา ที่พระเอกข่มขืนนางเอกสุดท้ายลงเอยด้วยความรัก จึงเกิดการซึมซับเป็นเรื่องที่ทำได้ สังคมยอมรับและคนจะมองว่า เป็นแค่เรื่องบันเทิงจนเป็นสิ่งที่สร้างค่านิยมและวัฒนธรรม ทัศนคติในสังคมที่ถูกฝังลึกในความคิดของคนทั้งหญิงชาย ซึ่งในความเป็นจริงการกระทำความรุนแรงทางเพศ การข่มขืนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
         
           ผศ.จเร สิงหโกวินท์ อาจารย์ประจำคณะภาษาและการสื่อสาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า การที่ละครเน้นเรื่องการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิง กล่าวได้ว่าสื่อเป็นตัวสะท้อนว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องธรรมดา เช่น ไม่ชอบความรุนแรงเช่นการเพิ่มโทษการข่มขืนโดยประหาร ทั้งที่การประหารก็เป็นความรุนแรง ท้ายที่สุดก็สนับสนุนความรุนแรง แปลว่าเรายอมรับความรุนแรง
           
           www.change.org มีการรณรงค์ลงชื่อสนับสนุนใช้ชื่อว่า กสทช.และผู้จัดละคร : เลิกเผยแพร่คติการล่อลวงข่มขืนว่าเป็นสิ่งปกติ”” ต่อ กสทช.และผู้จัดละครให้ยกเลิกละครที่มีฉากข่มขืน โดยล่าสุดมีผู้ลงชื่อสนับสนุน 59,375 คน แล้ว

            
           นี่แหละไทยแลนด์ ดินแดนดราม่า เกลียดความรุนแรง แต่ก็เสพความรุนแรงซะเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น