วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

chapter 2 : เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด


3 ปีซ้อน! สธ.เผย เด็กอายุ 10-15 ปี เป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศมากที่สุด ระบุผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ตัว

นับเป็นสถิติที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ปลอดภัยจากคนใกล้ชิด ที่ได้รับการยืนยันจากคำสัมภาษณ์ของนายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า ในปี 2558 มีเด็กและสตรีถูกกระทำรุนแรง 2 หมื่นกว่าราย เฉลี่ยวันละ 66 ราย ส่วนใหญ่ถูกทำร้ายร่างกายและถูกกระทำรุนแรงทางเพศจากคนใกล้ชิด

ในกลุ่มเด็กจะถูกล่วงละเมิดทางเพศและตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์มากเป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่เด็กรู้จัก ไว้วางใจ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น แฟน รองลงมาคือเพื่อน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากสภาพแวดล้อม ได้แก่ สื่อลามก ความใกล้ชิด โอกาสเอื้ออำนวย และการดื่มสุรา การใช้สารเสพติด เป็นต้น ส่วนความรุนแรงในกลุ่มสตรี ปัญหาอันดับ 1 ที่พบคือ การทำร้ายร่างกาย รองลงมาคือถูกกระทำทางเพศและตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ผู้กระทำเป็นคู่สมรสมากที่สุด รองลงมาคือแฟน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากสัมพันธภาพในครอบครัว การนอกใจ หึงหวง ทะเลาะวิวาทกัน

กรณีที่เป็นตัวอย่างอย่างเด่นชัด คือ กรณีของเด็กหญิงเอ วัย 10 ปี ถูกนายเล็ก อายุ 61 ปี กระทำชำเราเป็นเวลากว่า 1 เดือน

โดยคนร้ายเปิดร้านขายของชำ และได้ออกอุบายล่อลวงเด็กหญิงเอไปกระทำชำเรา พร้อมให้เงินครั้งละ 50-100 บาท เป็นค่าปิดปาก รวมถึงข่มขู่ว่าหากนำเรื่องนี้ไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย จนกระทั่งแม่เด็กเห็นว่าเด็กมีพฤติกรรมซึมเศร้า จึงพาเด็กไปแจ้งความ โดยตำรวจได้แจ้งข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดา มารดาหรือผู้ปกครอง เพื่อการอนาจาร

หากมองถึงสาเหตุที่เด็กช่วงวัย 10-15 ปี เป็นผู้เคราะห์ร้ายนี้ เป็นเพราะเด็กเหล่านี้ไม่อาจคำนึงถึงอันตรายจากคนใกล้ตัว เนื่องจากคิดว่าเป็นคนคุ้นเคยกันจึงเกิดความไว้ใจ และไม่ทันได้ระวังตัว จนคนที่ไว้ใจมาทำร้ายจิตใจและร่างกายของตน

สาเหตุต่อมา เกิดจากสภาพแวดล้อมในสังคมปัจจุบัน มีทั้งแหล่งอบายมุข การใช้สาร เสพติด ธุรกิจบริการทางเพศ แรงงานเด็ก เด็กเร่ร่อน เด็กถูกทอดทิ้ง สื่อลามกอนาจารและสื่อความรุนแรงต่างๆ มีอยู่ทั่วไป จนเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

สาเหตุสุดท้ายคือ เด็กในช่วงวัยนี้ไม่รู้วิธีแก้ปัญหาเมื่อถูกกระทำความรุนแรง เมื่อเกิดความรุนแรงขึ้น ผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะใช้สิทธิทางกฎหมายในการป้องกันตนเอง เนื่องจาก กระบวนการในการสอบสวนในชั้นตำรวจ อัยการและการสืบพยานในชั้นศาลไม่เอื้อให้ผู้ถูกกระทำต้องการดำเนินคดี เพราะรู้สึกเหมือนถูกกระทำซ้ำอีกครั้ง และในบางกรณีผู้กระทำไม่ได้รับโทษ ทำให้เกิดความย่ามใจ มีการกระทำซ้ำอีกและจะทวีความรุนแรงขึ้น และผู้เสียหายยังไม่ต้องการดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากกลัวตกเป็นข่าวในสื่อมวลชนต่างๆ และตกเป็นที่สนใจของคนในสังคม

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ในการพัฒนาระบบการรับแจ้งเหตุ การคัดกรอง การช่วยเหลือเบื้องต้นและการส่งต่อเด็กถูกทารุณกรรมหรือการเลี้ยงดูไม่เหมาะสมให้ได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างครบวงจร โดยมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเป็นหน่วยประสานงานหลัก นำร่องใน 2 จังหวัดๆละ 2 อำเภอ คือระยองและชุมพร คัดกรองเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา 3 เรื่องคือ ความรุนแรง ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และการถูกทอดทิ้ง เพื่อวางแผนดูแลร่วมกับสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

สำหรับในปี 2559 ได้ขยายการดำเนินงานไปยังอำเภออื่นๆ และขยายเพิ่มอีก 2 จังหวัด คือ ขอนแก่นและปทุมธานี

             
            สุดท้าย แม้ว่าจะมีการแก้ไขจากทั้งหน่วยงานรัฐและองค์กรอิสระต่างๆ คงไม่อาจช่วยให้ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรีบรรเทาลงได้ เท่ากับการมีจิตสำนึกความเป็นมนุษย์ของคนในสังคม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น