ยาบ้าเป็นเหตุ พ่อเลี้ยงใจร้ายขืนใจลูกเลี้ยงวัย
10 ขวบกว่า 10
ครั้ง อีกคดีที่สะท้อนความอำมหิตของพิษยาเสพติด ที่พร้อมจะทำร้ายชีวิตเด็กบริสุทธิ์
วันที่ 26 มกราคม เมื่อเวลา 17.30 น. พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชูศักดิ์ ปิ่นรัตน์ สว.สส. พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน เข้าจับกุมพ่อเลี้ยงหื่นวัย 33 ปี ในข้อหาบังคับข่มขืนลูกเลี้ยงวัย 10 ปี ขณะพักอยู่ในบ้านพักที่พัทยา จ.ชลบุรี
จากการสอบสวนพ่อเลี้ยงหื่นรายนี้ให้การยอมรับสารภาพว่า ได้มีเพศสัมพันธ์กับลูกเลี้ยงจริง แต่ไม่ใช่การข่มขืน เป็นความสมยอมของเด็กเอง หลังจากนั้นก็มีเพศสัมพันธ์กับลูกเลี้ยงจนถึงปัจจุบันรวมแล้ว 10 ครั้ง โดยอาศัยช่วงเวลาที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน
ด้าน พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำสารภาพของพ่อเลี้ยงหื่นรายนี้ เนื่องจากขัดกับคำให้การของลูกเลี้ยงที่มาแจ้งความที่สภ.เมืองพัทยาเมื่อวันที่ 25 มกราคมว่า ถูกพ่อเลี้ยงบังคับข่มขืนร่วม 10 ครั้ง ภายในเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งจากการสอบประวัติพบว่า พ่อเลี้ยงหื่นรายนี้เคยรับโทษในข้อหาชิงทรัพย์มาก่อน และยังตรวจสอบปัสสาวะพบว่าเป็นสีม่วง ซึ่งพ่อเลี้ยงหื่นรายนี้รับสารภาพว่าได้เสพยาบ้า จึงแจ้งข้อกล่าวหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี ที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเอง และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดี
นับเป็นอีกกรณีที่สะท้อนให้เห็นถึงโทษของสารเสพติดที่เป็นอีกสาเหตุหลักในการเกิดปัญหากระทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ซึ่งคดีนี้ก็ไม่ใช่คดีแรกที่ยาบ้าทำร้ายชีวิตของผู้บริสุทธิ์
ดังจะเห็นได้จากคดีที่เป็นข่าวดังเมื่อ 2 ปีที่แล้วอย่างคดีของน้องแก้ม ด.ญ.วัย 13 ปี ที่ถูกคนร้ายหรือนายวันชัย แสงขาว อายุ 22 ปี พนักงานรับจ้างทำความสะอาดรถไฟข่มขืน ภายหลังคนร้ายได้รับสารภาพว่าเสพยาเสพติดมาตั้งแต่ต้นทาง ก่อนจะเสพอีกครั้งขณะอยู่บนขบวนรถไฟ เมื่อเห็นเหยื่อจึงเกิดอารมณ์ทางเพศและข่มขืนเหยื่อก่อนที่จะโยนออกไปนอกรถไฟจนเสียชีวิต
นอกจากคดีของน้องแก้มแล้ว ยังมีอีกคดีหนึ่งซึ่งเคยเป็นข่าวดังในปี พ.ศ. 2552 โดยผู้ต้องหาคือ นายมาโนช อายุ 23 ปี ซึ่งก่อเหตุฆ่าข่มขืน ด.ญ. นันทิชา ไปจริง วัย 11 ปี โดยขณะก่อเหตุคนร้ายอาศัยช่วงเวลาที่พ่อของเหยื่อไม่อยู่หลอกเหยื่อให้ออกไปหาพ่อกับตน ก่อนจะข่มขืนโดยใช้เชือกหูรูดกางเกงมัดปากและคอเหยื่อ จากนั้นจึงหลบหนีไป
ภายหลังการจับกุมตำรวจได้ทำการสืบประวัติของคนร้ายพบว่าคนร้ายอาศัยอยู่ใกล้บ้านของเหยื่อ มีนิสัยเกเรและชอบเสพยาเสพติด โดยก่อนเกิดเหตุผู้ปกครองของคนร้ายได้พยายามห้ามคนร้ายไม่ให้ออกจากบ้านแต่คนร้ายแอบลักลอบออกจากบ้านเพื่อมาซื้อยาเสพติดก่อนจะก่อเหตุครั้งนี้
ทุกวันนี้ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรีมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุหลักคงหนีไม่พ้นของมึนเมาและสารเสพติด หากจะสั่งให้เลิกผลิตของมึนเมาและสารเสพติดเพื่อลดปัญหาเหล่านี้คงเป็นเรื่องยาก เพราะแม้จะมีการผลิตขึ้นมา แต่หากไม่มีผู้ซื้อไปเสพ ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่ฆ่าชีวิตผู้บริสุทธิ์เช่นทุกวันนี้